ในการนำเข้าส่งออกสินค้า ค่าเงินหรืออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่ผู้นำเข้า ส่งออกต้องคำนึงถึง เพราะค่าเงินแข็ง ค่าเงินอ่อน ย่อมจะส่งกระทบต่อผู้นำเข้า ส่งออกโดยตรง
ค่าเงินบาทคืออะไร ค่าเงินบาทคือ จำนวนเงินบาทเมื่อแลกกับการเงินต่างประเทศอื่นๆ เช่นเงินดอลล่าร์สหรัฐ เงินยูโร เงินเยนญี่ปุ่น เงินหยวนจีน ณ วันและเวลานั้นๆ เงินบาทของเราต้องใช้จำนวนเท่าไหร่ เพื่อแลกกับการเงินต่างประเทศ เช่น 1 ดอลล่าร์สหรัฐเท่ากับ 32 บาทเป็นต้น
แล้วอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกับธุรกิจของเราเป็นอย่างไร “นำเข้าค่าเงินต้องแข็ง ส่งออกค่าเงินต้องอ่อน”
ยกตัวอย่างสำหรับผู้นำเข้าอย่างเรา
เมื่อเราซื้อสินค้าจากต่างประเทศในราคา 10,000 USD ในอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 USD เท่ากับ 32 บาท เมื่อถึงวันกำหนดชำระค่าสินค้า อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้นเป็น 1 USD เท่ากับ 30 บาท เท่ากับว่าเราต้นทุนการนำเข้าของเราก็จะลดลงเลยทันที 20,000 บาทจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ในทางกลับกัน หากอัตราแลกเปลี่ยน อ่อนค่าเป็น 1 USD เท่ากับ 34 บาท ต้นทุนสินค้าเราก็จะเพิ่มเป็น 20,000 บาทเช่นกัน
เรามาดูภาพประกอบเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจมากขึ้น ใครได้ ใครเสีย ?
Cr รูปภาพจากธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่องค่าเงินบาทมีการปรับตัวขึ้นลงในแต่ละวัน ผู้นำเข้าส่งออก จำเป็นต้องติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ต้นทุนของธุรกิจอีกด้วย
Directed by : P Machpro Purchase Team