การบำรุงรักษาไดชาร์จรถ
ไดชาร์จหรือ Generator เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าใช้กับเครื่องยนต์ระบบ Electric Start ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟตรงสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ เพื่อใช้ในสตาร์ทเครื่องยนต์ และยังใช้กับหลอดไฟ แสงสว่างสำหรับการทำงานของเครื่องยนต์ในเวลากลางคืนได้เป็นอย่างดี ไดชาร์จหรือ Generator จะทำงานได้ดีหรือมีอายุการใช้งานคงทน ขึ้นอยู่กับ
การใช้และบำรุงรักษาให้ถูกวิธี ดังนี้.
1. หมั่นตรวจสอบความตึงของสายพานเสมอ อย่าให้ตึงหรือหย่อนจนเกินไป เพราะถ้าสายพานหย่อนเกินไป จะทำให้ไดชาร์จจ่ายกระแสน้อย และสายพานจะสึกหรอชำรุดเสียหายได้ ถ้าสายพานตึงเกินไปจะทำให้ลูกปืนหรือบูชไดชาร์จชำรุดเสียหายได้เช่นกัน (โปรดดูการใช้และบำรุงรักษาสายพาน)
2. หล่อลื่นไดชาร์จในกรณีทีมีช่องหยอดน้ำมันหล่อลื่นทุก ๆ 250 ชม.
3. หมั่นตรวจน็อตสกรูที่ยึดไดชาร์จให้แน่นเสมอ เพราะถ้าปล่อยให้หลวม จะทำให้ขายึดไดชาร์จแตกหักได้
4. ขณะปฏิบัติงานหากเกิดมีเสียงดังผิดปกติในตัวไดชาร์จ ให้หยุดเครื่องยนต์ทำการตรวจสอบสาเหตุ อาจเกิดจากลูกปืนหรือบูชชำรุด ทำให้เสียดสีภายในตัวไดชาร์จได้
5. ไม่ควรเอาถังน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ใกล้กับที่ติดตั้งไดชาร์จ เพราะเชื้อเพลิงอาจลุกไหม้ได้โดยประกายไฟ
จากไดชาร์จ
6. ถ้าน้ำเข้าไดชาร์จ หรือเปียกน้ำ ควรถอดออกมาทำความสะอาดโดยการอบหรือตากให้แห้งเสียก่อน อย่าปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เกิดสนิม และกระแสไฟลัดวงจรได้
7. เมื่อไดชาร์จไม่ทำงานหรือไม่จ่ายไฟอาจเกิดจากสาเหตุ ไดชาร์จเสีย ไม่ควรทำการถอดซ่อมเองโดยไม่มีความรู้หรือความชำนาญพอ ควรแจ้งให้ผู้ที่มีความสามารถเฉพาะด้านนี้เป็นผู้ตรวจซ่อม มิฉะนั้น จะเกิดการเสียหายมากขึ้น
ส่วนประกอบของไดร์ชาร์ท
จากรูปเป็นวงจรพื้นฐานของระบบไฟฟ้าในรถยนต์ เมื่อเปิดสวิทช์กุญแจรถยนต์ แบตเตอรี่จะถูกดึงกระแสไฟฟ้าประมาณ 8 – 9 Amp ไปเลี้ยงอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์ และเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) เริ่มมีการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อไปเลี้ยงอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆภายในรถยนต์แทนแบตเตอรี่ และไดชาร์จปกติจะมีแรงดันอยู่ประมาณ 13.9V – 14.5V และต่ำสุดไม่ควรต่ำกว่า 13.5V เพราะถ้าแรงดันไดชาร์จต่ำกว่า 13.5V จะทำให้แบตเตอรี่รถไม่ได้ถูกเติมไฟเข้า หรือมีไฟเติมเข้าแบตเตอรี่น้อยมาก จนทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง