อัปเดต ราคาวัสดุก่อสร้าง 2568

06/03/2025 | 524

ในปี 2568 (2025) อุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศไทยได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของราคาวัสดุก่อสร้างที่สำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการวางแผนงบประมาณและการดำเนินโครงการก่อสร้างต่าง ๆ บทความนี้จะนำเสนอการอัปเดตราคาวัสดุก่อสร้างในปี 2568 โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจและนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เท่ากับ 112.1 เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2567 (YoY) สูงขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือนติดต่อกัน โดยมีปัจจัยจากต้นทุนค่าขนส่งและราคาวัตถุดิบสูงขึ้นในหลายหมวดเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีรายละเอียด ดังนี้

          หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 0.9 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ไม้พื้น ไม้แบบ แผ่นไม้อัด และวงกบประตู หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต สูงขึ้นร้อยละ 0.5 จากสินค้าเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก บ่อพักคอนกรีตสำเร็จรูป และคอนกรีตผสมเสร็จ จากปัจจัยราคาน้ำมันดีเซลที่สูงกว่าปีที่ผ่านมาทำให้ต้นทุนค่าขนส่งของสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ปรับราคาสูงขึ้น หมวดวัสดุฉาบผิว สูงขึ้นร้อยละ 1.3 จากสินค้าสีทาถนนชนิดสะท้อนแสง และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ สูงขึ้นร้อยละ 7.2 จากสินค้ายางมะตอย โดยสินค้าสำคัญของทั้งสองหมวดสูงขึ้นจากต้นทุนปิโตรเลียมที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปรับราคาสูงขึ้น รวมทั้งมีความต้องการใช้ในโครงการก่อสร้างด้านคมนาคมของภาครัฐ และการซ่อมแซมถนนหลังเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ก่อนหน้านี้ หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 2.2 จากสายส่งกำลังไฟฟ้า NYY สายไฟฟ้า VCT ถังดักไขมัน และถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส ตามการสูงขึ้นของราคาวัตถุดิบ (ทองแดง เม็ดพลาสติก) ที่ปรับราคาตามตลาดโลก รวมทั้งมีความต้องการใช้ในโครงการก่อสร้างด้านสาธารณูปโภคของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น สำหรับหมวดสินค้าสำคัญ ที่ดัชนีราคาลดลง ได้แก่ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ลดลงร้อยละ 3.2 จากการลดลงของสินค้าเหล็กเส้นกลมผิวเรียบ เหล็กเส้นกลมผิวข้ออ้อย และลวดเหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรง จากราคาเหล็กในตลาดโลกและในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัญหาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ยืดเยื้อ แม้ว่าจีนจะออกมาตรการเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขปัญหาแล้วก็ตาม หมวดซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 1.5 จากการลดลงของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนซีเมนต์ผสม และปูนฉาบสำเร็จรูป เนื่องจากต้นทุนการผลิตลดลงจากราคาถ่านหินปรับลดลงโดยมีสาเหตุจากการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดทดแทนมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินลดลง ประกอบกับมีการแข่งขันในธุรกิจซีเมนต์สูงมาก นอกจากนี้ ขณะที่ผลกระทบจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว ภาคเอกชนชะลอการลงทุนในโครงการใหม่ เนื่องจากมีสต็อกอสังหาริมทรัพย์คงค้างสูง จากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน สาเหตุจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดัชนีราคาหมวดกระเบื้อง ลดลงร้อยละ 1.3 ลดลงจากสินค้ากระเบื้องเคลือบบุผนัง กระเบื้องเคลือบปูพื้น เป็นต้น และหมวดสุขภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 2.0 จากสินค้าโถส้วมชักโครก กระจกเงา และราวจับสแตนเลส 

          นายพูนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนมีนาคม 2568 ยังมีทิศทางขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยบวกต่าง ๆ เช่น 1) การปรับลดของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะช่วยให้การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชน และกำลังซื้อภาคอสังหาริมทรัพย์ของผู้บริโภคมีแนวโน้มฟื้นตัว 2) นโยบายทางเศรษฐกิจและมาตรการภาษีที่เข้มงวดของสหรัฐอเมริกาที่จะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น เช่น เหล็ก อลูมิเนียม ทองแดง ซึ่งมีความผันผวนสูงและมีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้น และ 3) ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้ราคาน้ำมันและราคาพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวล้วนส่งผลต่อต้นทุนราคาสินค้าและค่าขนส่ง ซึ่งจะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

วัสดุถม ปรับระดับ รองฐานราก

ราคาของวัสดุบางประเภทมีการปรับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะทรายและดินที่ใช้ในงานถมและรองพื้น ส่วนวัสดุอื่น ๆ เช่น คอนกรีตและอิฐบล็อกยังคงมีราคาคงที่จากปีที่แล้ว

วัสดุโครงสร้าง

ราคาของวัสดุก่อสร้างที่เกี่ยวกับเสาเข็มคอนกรีตและคอนกรีตผสมเสร็จมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2568 โดยเฉพาะวัสดุที่ใช้ในงานโครงสร้างใหญ่ เช่น เสาเข็มขนาดใหญ่ค่าแรงในตารางแสดงให้เห็นการปรับขึ้นในบางประเภท แต่โดยรวมยังคงมีราคาใกล้เคียงกัน

ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ราคาวัสดุก่อสร้างได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลต่อการปรับราคาของวัสดุต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้การวางแผนโครงการก่อสร้างในอนาคตต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นอย่างดี จากการวิเคราะห์ข้อมูลราคาวัสดุก่อสร้างในปี 2567 และ 2568 ที่ได้จากตารางการเปรียบเทียบราคาวัสดุก่อสร้าง พบว่า วัสดุก่อสร้างในหลายหมวดหมู่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะวัสดุที่ใช้ในงานถมและรองฐานราก รวมถึงวัสดุปูพื้นที่มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

1. การเปลี่ยนแปลงราคาในหมวดวัสดุก่อสร้าง

จากข้อมูลที่ได้รับมา ราคาของวัสดุก่อสร้างบางประเภทมีการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ได้ดังนี้

  • งานถมและรองฐานราก: ราคาของวัสดุในหมวดนี้ เช่น ทรายถมและดินลูกรัง มีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย ทรายถม จาก 337 บาท เป็น 410 บาท (เพิ่มขึ้น 21.66%) และ ดินลูกรัง จาก 370 บาท เป็น 383 บาท (เพิ่มขึ้น 3.51%) นอกจากนี้ หินคลุก ก็เพิ่มจาก 466 บาท เป็น 492 บาท (เพิ่มขึ้น 5.58%)
  • งานโครงสร้าง: การปรับราคาของ เสาเข็มคอนกรีต เช่น ขนาด 0.22 x 0.22 ม. เพิ่มจาก 3,696 บาท เป็น 3,846 บาท (เพิ่มขึ้น 4.06%) ขณะที่ราคาของ คอนกรีตผสมเสร็จ สำหรับโครงสร้างติดดินยังคงราคาเดิมที่ 1,845 บาท และราคาในโครงสร้าง 2 ชั้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2,457 บาท เป็น 2,529 บาท (เพิ่มขึ้น 2.94%)
  • วัสดุเหล็กเสริม: เหล็กเส้นกลม RB 6 มม. มีการลดราคาจาก 23,300 บาท เป็น 22,750 บาท (ลดลง 2.36%) ซึ่งอาจสะท้อนถึงความต้องการที่ไม่สูงมากนักในช่วงนี้
  • วัสดุปูพื้น: ราคาของ พื้นหินขัด เช่น พื้นผิวหินล้างจาก 451 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 439 บาท (เพิ่มขึ้น 4.56%) นอกจากนี้ พื้นไม้ เนื้อแข็งมีการปรับขึ้นจาก 953 บาท เป็น 956 บาท (เพิ่มขึ้น 0.31%)

2. การเปลี่ยนแปลงราคาของวัสดุหลังคาและฝ้าเพดาน

วัสดุในหมวดนี้ เช่น กระเบื้องลอนคู่ และ หลังคาเมทัลชีต มีราคาคงที่หรือมีการปรับขึ้นบ้างเล็กน้อย เช่น กระเบื้องลอนคู่ ขนาด 0.50 x 1.20 ม. และ 0.50 x 1.50 ม. ยังคงราคาเดิมที่ 58 บาท และ 64 บาท ตามลำดับ ขณะที่ หลังคาเมทัลชีต ที่มีความหนา 0.5 มม. ราคาเพิ่มจาก 285 บาท เป็น 490 บาท (เพิ่มขึ้น 39.84%) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตวัสดุเหล็กและความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดหลังคา

3. แนวโน้มในอนาคต

ในอนาคต ราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่

  • ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น: ราคาน้ำมันและพลังงานอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ต้นทุนการผลิตวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาของวัสดุเหล่านั้นปรับขึ้น
  • ความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้น: หากการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงหลังจากการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ความต้องการวัสดุก่อสร้างจะมีผลให้ราคาของวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น
  • การพัฒนาเทคโนโลยี: การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการผลิตวัสดุอาจช่วยลดต้นทุนในบางประเภทวัสดุ แต่ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาด้านการจัดหาและการผลิตที่มีค่าใช้จ่ายสูง

จากการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงราคาวัสดุก่อสร้างในปี 2567 และ 2568 พบว่า วัสดุในหลายหมวดหมู่ เช่น งานถม, งานโครงสร้าง, และวัสดุปูพื้นมีการปรับขึ้นราคามากที่สุด ขณะที่วัสดุหลังคาและเหล็กเสริมมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนักในบางประเภท การเพิ่มขึ้นของราคาเหล่านี้สะท้อนถึงการปรับตัวของต้นทุนการผลิตและความต้องการในตลาดที่สูงขึ้น ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะยังคงมีการปรับราคาต่อเนื่องตามสภาวะเศรษฐกิจและต้นทุนวัสดุที่เพิ่มสูงขึ้น

อ้างอิง

----------------------------------------------------------------------------
รีวิวและรายละเอียดเพิ่มเติม Facebook
: หางาน รายได้ดี by PST
https://www.facebook.com/profile.php?id=100054608373504

: พี แมชโปร จำหน่ายรถปั๊มคอนกรีตเครื่องพ่นปูนฉาบพร้อมศูนย์ซ่อมที่มีมาตรฐาน
https://www.facebook.com/PSTgroup.pmp

: พี เอส ที ทรานสปอร์ต - บริการปั๊มคอนกรีตและเครื่องพ่นปูนฉาบ
https://www.facebook.com/PSTTransportandservice

: เครื่องพ่นปูนฉาบ by PST
https://www.facebook.com/PST.PlasteringMaching

: ช่างสีมืออาชีพ by PST
https://www.facebook.com/PSTCoolPaint

รถปั๊มคอนกรีต Everdigm by PST
https://www.facebook.com/PST.EverdigmPump

รถปั๊มคอนกรีตมือสอง by PST
https://www.facebook.com/PSTUsedPump

: บริการ เช่า รถปั๊มคอนกรีต by PST
https://www.facebook.com/PST.PumpConcrete

#รถปั๊มคอนกรีต #รถปั๊มคอนกรีตมือสอง #เช่ารถปั๊มคอนกรีต #ปั๊มบูม #ปั๊มลาก #เครื่องพ่นสี #เครื่องพ่นปูนฉาบ #อะไหล่รถปั๊มคอนกรีต #อะไหล่เครื่องพ่นสี #อะไหล่เครื่องพ่นปูนฉาบ

Tags : #รถปั๊มคอนกรีต #รถปั๊มคอนกรีตมือสอง #เช่ารถปั๊มคอนกรีต #ปั๊มบูม #ปั๊มลาก #เครื่องพ่นสี #เครื่องพ่นปูนฉาบ #อะไหล่รถปั๊มคอนกรีต #อะไหล่เครื่องพ่นสี #อะไหล่เครื่องพ่นปูนฉาบ